สารบัญ
# 1 : โบท็อกไม่ได้ลบเลือนริ้วรอยให้หายไป
# 2 : โบท็อกมีผลแค่ชั่วคราวเท่านั้น
# 3 : การฉีดโบท็อกอาจจะมีอาการเจ็บปวดได้
# 4 : ข้อควรระวังหลังฉีดโบท็อก
# 5 : ใครๆก็สามารถฉีดโบท็อกได้
# 6 : การฉีดโบท็อกช่วยทำให้ดูเด็กลง
# 7 : โบท็อกทำให้ยิ้มไม่ได้จริงหรือ
พญ.วิสุทธิยา บุญสม (หมอกิ๊ฟ)
ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
หลายคนอาจจะเคยไปฉีดโบท๊อกลดริ้วรอยมาและอาจจะประสบปัญหา หน้าตึงเกินไป ยิ้มแข็งเกินไป หรือฉีกยิ้มได้ไม่สุด ปัญหาเหล่านี้เกิดจาก ความรู้เรื่องการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าของคุณหมอคนนั้นๆ ไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดความไม่พอดี เคสนี้จึงเป็นตัวอย่างของการฉีดโบท๊อก เพื่อลดริ้วรอยแบบเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยหายเนียนเรียบ แต่ไม่ตึง ไม่แข็ง และไม่หนักผาก
โดยปกติแล้วความสวยของคนหนึ่งคนนั้นหมอมักจะประเมินเป็นภาพรวมของใบหน้า ซึ่งบางครั้งการฉีดเพื่อแก้ไขแค่ริ้วรอยหางตาเพียงจุดเดียว ก็อาจจะทำให้ใบหน้ายังดูขาดอะไรไปและสวยไม่สุด ดังนั้นการประเมินเพื่อปรับรูปหน้าในภาพรวมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีดเป็นสำคัญค่ะ
สรุป เทคนิคการฉีดโบท๊อกของหมอกิ๊ฟ คือการฉีดโดยประเมินเป็นรายบุคคล ดีไซน์เป็นความสวยแบบองค์รวม ทำให้อวัยวะแต่ละส่วนบนใบหน้ามีความสวยไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการฉีดโบท๊อกเพื่อปรับอารมณ์ให้ดูสดใส สดชื่น และดูมีความสุขได้อีกด้วย
ข้อสำคัญคือ นอกจากการดีไซน์ความสวยแบบองค์รวมแล้ว หลังฉีดยังมีความเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยหาย ใบหน้าเรียวกระชับ แต่ไม่แข็งตึง ฉีกยิ้มไม่สุดอย่างแน่นอน
หากคุณเคยผ่านการฉีดโบท๊อกมาจากคุณหมอมาหลายๆท่าน หากได้มาลองฉีดกับคุณหมอกิ๊ฟ จะรู้ว่าการฉีดโบท๊อกและการปรับรูปหน้าเป็นหนึ่งในงานศิลปะที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้เหมือนอย่างแน่นอน
Q: โบท๊อกคืออะไร
A:
โบท็อก (Botox) เป็นสารสกัดในรูปแบบที่บริสุทธิ์จากแบคทีเรียสายพันธุ์ คลอสตริเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) และเป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum toxin type A) โดยมีการนำใช้ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อช่วยในเรื่องของริ้วรอยอย่างปลอดภัยมาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากถูกใช้ในปริมาณที่มากกเกินไป นอกจากนี้ยังสามารถนำมารักษาอาการกล้ามเนื้อคอกระตุก กล้ามเนื้อตากระตุก ปวดไมเกรน และตาเหล่ได้เช่นกัน

โบท็อกทำงานโดยการปิดกั้นสัญญาณประสาทในกล้ามเนื้อที่ฉีดเป็นการชั่วคราว เมื่อสัญญาณประสาทเหล่านั้นถูกขัดจังหวะ กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวจะถูกจำกัดการเคลื่อนไหวหรือแข็งตัวชั่วคราว โดยหากไม่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในส่วนนั้น ก็จะทำริ้วรอยบางจุดอาจอ่อนลง ลดลง หรือแม้แต่เลือนลางหายไปได้ ซึ่งโบท็อกและการรักษาอื่นๆที่ทำด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน บางครั้งจะถูกเรียกว่า สารกระตุ้นประสาทหรือสารสื่อประสาท และมีจำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ Botox Cosmetic, Dysport, Xeomin, Allergan, Botulax, Aestox, และ Nabota
สาร Botulinum toxin type A ที่สามารถนำมาฉีดเพื่อทำให้กล้ามเนื้อมีการคลายตัวลงชั่วคราวในระยเวลา4-6 เดือน ส่งผลให้ริ้วรอยจางลง กล้ามเนื้อกรามยุบทำให้หน้าเรียว กล้ามเนื้อน่องยุบทำให้ขาเรียวเล็ก และนอกจากนี้โบท๊อกยังสามารถนำมาฉีดเพื่อ Liftingกรอบหน้าในกรอบหน้ากระชับเข้ารูป และยังใช้ฉีดระงับเหงื่อที่รักแร้ได้อีกด้วย
Q: โบท็อกรักษาอะไรได้บ้าง?
A: โบท็อกสามารถใช้ได้กับริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ซึ่งริ้วรอยเหล่านี้จะถูกเรียกว่า ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ หรือริ้วรอยที่เกิดจากการขยับหน้า (Dynamic line) ซึ่งริ้วรอย Dynamic line ที่พบบ่อยที่สุดและสามารถรักษาได้ด้วยโบท็อก คือริ้วรอบบนใบส่วนบน เช่น ร่องระหว่างคิ้ว ริ้วหน้าผาก และรอยตีนการอบดวงตา โดยเส้นเหล่านี้จะเกิดจากการยิ้ม ขมวดคิ้ว การหรี่ตา และการแสดงออกทางสีหน้าอื่นๆ
ในทางตรงกันข้าม โบท็อกจะไม่ทำงานกับริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการหย่อนคล้อยหรือสูญเสียความอวบอิ่มบนใบหน้า โดยริ้วรอยเหล่านี้จะถูกเรียกว่า ริ้วรอบที่เกิดจากการไม่แสดงสีหน้าก็เห็น หรือ Static line เช่น ร่องต่างๆบริเวณแก้ม คอ ร่องใต้ตา ร่องน้ำหมาก เป็นต้น
โบท็อกนั้นไม่ใช่การรักษาแบบถาวร โดยจำเป็นที่จะต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อผลลัพธ์การลดเลือนริ้วรอยอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไปผลของการฉีดในคนส่วนใหญ่จะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าฉีดรักษาบริเวณไหน เป็นการฉีดครั้งแรกหรือฉีดซ้ำ
Q:ฉีดโบท็อก อันตรายไหม
A: หลายคนอาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ไม่ดีหรือผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อก แต่ในความเป็นจริงแล้วโบท็อกถือว่ามีความปลอดภัย และเนื่องจากโบท็อกจะเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ผลข้างเคียงที่อาจพบเจอจากโบท็อก ได้แก่
- เปลือกตาหรือคิ้วลดลงหากฉีดใกล้ตา
- ความอ่อนแอหรืออัมพาตของกล้ามเนื้อใกล้เคียงบริเวณที่ฉีด
- ลมพิษ ผื่น หรือคัน
- อาการปวด เลือดออก ช้ำ บวม ชาหรือแดง
- อาการปวดหัว
- ปากแห้ง
- อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
- คลื่นไส้
- กลืน พูด หรือหายใจลำบาก
- ปัญหาถุงน้ำดี
- ตาพร่ามัวหรือปัญหาการมองเห็น
การใช้โบท็อกอาจไม่ได้ผลในบางครั้ง หากแอนติบอดีในร่างกายทำการต่อต้าน แต่จากสถิติในวงการการฉีดโบท็อกมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยกว่า 1% ของคนที่ได้รับการรักษาด้วยโบท็อกมาเป็นเวลานาน
โดยแนะนำไม่ให้ถูหรือนวดบริเวณที่ฉีดโบท็อกหลังจากรับการรักษา เพราะอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังผิวหนังโดยรอบ ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยานและปัญหาอื่นๆตามมา และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและพึงพอใจ ควรเลือกฉีดโบท็อกกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และสถานที่ที่ได้มาตรฐานปลอดภัย
7 ข้อน่ารู้เกี่ยวกับ Botox
# 1 : โบท็อกไม่ได้ลบเลือนริ้วรอยให้หายไป
แน่นอนว่าโบท็อกคือการรักษาริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น ซึ่งมีหลายคนคิดว่าการฉีด 2-3 ครั้งจะช่วยกำจัดความไม่สมบูรณ์ที่ไม่ต้องการเหล่านี้ออกจากใบหน้าได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว โบท็อกมีความสามารถในการป้องกันได้มากกว่าการซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิม โดยสารจะออกฤทธิ์ทำให้เกิดการ “หยุด” การขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหดตัวในลักษณะที่สามารถทำให้เกิดริ้วรอยลึกและรอยเหี่ยวย่นได้ แต่รอยหรือเส้น ไม่ว่าจะเป็นรอยขมวดคิ้ว หรือรอยย่นลึก จะไม่สามารถถูกลบออกได้ ดังนั้น หากคุณยิ่งรับโบท็อกได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยป้องกันริ้วรอยที่อาจเกิดขึ้นบนใบหน้าได้มากเท่านั้น
# 2 : โบท็อกอยู่ได้กี่เดือน
โบท็อกนั้นสามารถอยู่ได้ชั่วคราวเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะสามารถอยู่ได้ในระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือนต่อการฉีด1ครั้ง หรือบางทีอาจจะเร็วกว่านั้น หากมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ปัญหาสุขภาพต่างๆ หรือแม้กระทั่งคนที่ออกกำลังกายมากๆ อาจจะทำให้โบท็อกสลายตัวเร็วกว่าเดิม
# 3 : การฉีดโบท็อกอาจจะมีอาการเจ็บปวดได้
ความรู้สึกระหว่างฉีดและอาการข้างเคียงของโบท็อกจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรู้สึกเหมือนฉีดยาแบบยุงกัด ใช้เวลาสักครู่เดียวก็จะหาย แต่สำหรับบางคน อาจพบอาการเจ็บปวดเป็นชั่วโมงเลยก็ได้
# 4 : ข้อห้ามหลังการฉีดโบท็อก
หลังจากการฉีดโบท็อก ควรงดออกกำลังกาย ใช้กำลังบริเวณที่ฉีด หรือรับประทานยาประเภทไอรูโพรเฟน ที่มีผลกับเส้นเลือด เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยช้ำตรงบริเวณที่ฉีดได้
# 5 : คนทั่วไปก็สามารถฉีดโบท็อกได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นดารา
แม้โบท็อกจะเป็นที่นิยมสำหรับเหล่าดาราหรือคนดัง เพราะช่วยทำให้ดูดีขึ้น สวยขึ้น หน้าตาสดใส แต่คนทั่วไปก็สามารถเข้ารับการรักษาด้วยโบท็อกได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังสามารถไปฉีดโบท็อกได้ตามคลีนิคที่เปิดให้บริการต่างๆ และได้มาตรฐานในเรื่องของความปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องไปฉีดโบท็อกที่โรงพยาบาลอย่างเดียวเท่านั้น โดยถ้าพิจารณาจากค่าใช้จ่ายแล้ว อาจจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้ต่างจากการศัลยกกรมพลาสติกมากนัก
# 6 : การฉีดโบท็อกยังช่วยเสริมความมั่นใจและยังทำให้ดูเด็กลงอีกด้วย
การฉีดโบท็อกจะช่วยลบเลือนริ้วรอยให้จางลง และยังให้หน้าตาดูสดใส เปล่งปลั่ง ซึ่งถ้าหากใครเป็นคนที่ไม่มั่นใจในรูปร่างใบหน้าของตัวเอง การเข้ารับการรักษาด้วยโบท็อก อาจสามารถช่วยเสริมความมั่นใจได้ มากไปกว่านั้นการฉีดโบท็อกยังทำให้หน้าดูเด็กลงอีกด้วย
# 7 : โบท็อกทำให้ยิ้มไม่ได้จริงหรือ
อาจจะเคยได้ยินกันว่า หลังจากฉีดโบท็อกแล้ว หน้าตาจะดูเหมือนหุ่นยนต์ ไร้อารมณ์ ไม่สามารถขยับส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้าได้ หรือยิ้มไม่ได้ ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริง เพราะคุณจะยังสามารถแสดงอารมณ์ได้เป็นปกติ และยังสามารถยิ้มได้ เพียงแต่โบท็อกซ์จะเข้ามาช่วยป้องกันการเหี่ยวย่นของใบหน้าเท่านั้นเอง