ข้อควรรู้ ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ปากนั้นเป็นหัตถการที่มั่นใจได้ว่าปลอดภัย หากฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกวิธีจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ โดยจะสามารถเห็นผลได้ชัดเจนหลังการฉีด และมีระยะเวลาอยู่ได้นานถึงประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของบุคคลและรุ่นของฟิลเลอร์ที่นำมาฉีดค่ะ
รูปทรงริมฝีปากที่ได้รับความนิยม
รูปทรงริมฝีปากที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย มีตั้งแต่ทรงปากคลาสสิคเน้นธรรมชาติ (Classic Lip) ทรงปากแบบเกาหลี (Cherry Lip) ทรงสายฝอ (Sexy Lip) และทรงปากกระจับ (Classic+Cherry Lip) โดยแต่ละแบบนั้นก็จะมีความแตกต่างกันไป ดังนี้ค่ะ

ทรงปากคลาสสิค (Classic Lip) เป็นรูปทรงปากที่อวบอิ่มตามธรรมชาติ มีสันปากเพียงเล็กน้อย ทำให้ปากดูมีวอลลุ่มแบบพอประมาณ โดยมีความสมส่วนของริมฝีปากบนและล่างในอัตราส่วน 1:1.6-1.7 เหมาะกับผู้ที่ต้องการเน้นให้ทรงปากมีความเป็นธรรมชาติ
ทรงปากแบบเกาหลี (Cherry Lip) เป็นรูปทรงปากที่มีลูกกลม ๆ 2 ลูก หรือเนื้อกระเปาะที่คล้ายผลเชอร์รี่อยู่ริมฝีปากล่าง และมีขอบริมฝีปากบนชัด โดยมีความสมส่วนของริมฝีปากบนและล่างในอัตราส่วน 1:1.6-1.7 เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ริมฝีปากดูสวยน่าจุ๊บมากยิ่งขึ้น


ทรงปากแบบสายฝอ หรือแบบตะวันตก (Sexy Lip) เป็นรูปทรงปากที่จะเน้นความอวบอิ่มของริมฝีปากทั้งบนและล่างอย่างเต็มที่ ขอบปากมักเบลอไม่ชัดเจน เน้นให้ปากดูมีวอลลุ่ม โดยมีความสมส่วนของริมฝีปากบนและล่างในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน 1:1 เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นเซ็กซี่และต้องการเน้นความอวบอิ่มของริมฝีปาก
ทรงปากกระจับ (Classic+Cherry Lip) รูปทรงปากจะโค้งเรียวสวยรับกับรูปหน้า ริมฝีปากบนมีลักษณะขอบชัด คล้ายปีกนก โดยริมฝีปากทั้งบนและล่างมีความสมส่วนไม่บางหรือแบนจนเกินไป คล้ายลูกเชอร์รี่ขนาดเล็ก ๆ เพื่อให้ปากมีวอลลุ่มมากขึ้นเล็กน้อย เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบเพิ่มความหนาของริมฝีปาก และชอบความโค้งมนทำให้ริมฝีปากดูอมยิ้ม

นอกจากการรูปทรงที่เป็นที่นิยมแล้ว ผู้คนมักจะคำนึงถึงในเรื่องของโหงวเฮ้งอีกด้วย โหงวเฮ้งนั้นเป็นศาสตร์การทำนายของจีนที่มีมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งริมฝีปากเป็นส่วนที่มีความสำคัญบนใบหน้า ทั้งเป็นจุดบ่งชี้สุขภาพกายและจิตใจ รวมไปถึงความสามารถในการเจรจา การพูดกับผู้อื่นอีกด้วย
ไม่ว่าคุณสนใจรูปทรงปากแบบไหน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกสรรผลิตภัณฑ์ และออกแบบริมฝีปากแบบที่เหมาะสมกับใบหน้าของคุณ ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ที่ปากออกมาเป็นธรรมชาติและเข้ากับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของใบหน้าได้เป็นอย่างดี
ฉีดฟิลเลอร์ปากคืออะไร?
ฟิลเลอร์ปาก เป็นฟิลเลอร์แบบเดียวกับที่ใช้ฉีดใบหน้า ใต้ตา และส่วนอื่นๆ โดยเป็นการเติมสารที่เรียกว่า Hyaluronic Acid เข้าไปที่บริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก และช่วยแก้ไขปัญหาปากตกร่องของเนื้อลิปสติก ปากบาง ปากแตก ริมฝีปากแห้งลอก ปากขาดความชุ่มชื่น หรือปากคว่ำได้ รวมถึงเป็นการปรับโครงสร้างให้รูปปากสวยงาม


โดยการฉีดฟิลเลอร์ที่ปากจะสัมพันธ์กับคางและจมูก เนื่องจากเป็นอวัยวะของใบหน้าที่สัมพันธ์กัน ดังนั้นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์จะดูที่เส้น E-line หรือเส้นความงามของใบหน้าด้านข้าง เพื่อให้อวัยวะทุกส่วนบนใบหน้ารับกัน ทำให้ได้ผลลัพธ์หลังฉีดที่ดีที่สุดค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย เนื่องจากสาร Hyaluronic Acid เป็นสารที่สามารถเสื่อมสลายได้เอง ไม่ตกค้างภายในร่างกาย รวมถึงยังช่วยแก้ไขปัญหาริมฝีปากได้อย่างหลากหลาย ซึ่งหลังจากการฉีดฟิลเลอร์จะมีความเปลี่ยนแปลงของรูปปากที่เห็นได้ชัด ไม่จำเป็นต้องมีการพักฟื้นค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใคร?
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล ฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปากให้ดูมีวอลลุ่ม ปรับรูปทรงปากให้ดูสวยงาม และมีสัดส่วนที่รับกับอวัยวะอื่น ๆ บนใบหน้า ทำให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการเสริมโหงวเฮ้ง สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะกับคน 4 ประเภทดังนี้
- คนทั่วไป ที่อยากปรับทรงริมฝีปากให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้ามากขึ้น และต้องการเพิ่มวอลลุ่มปากให้ชัด
- คนที่เริ่มมีอายุ จะทำให้การผลิตคอลลาเจนภายในร่างกายลดน้อยลง ส่งผลให้เนื้อที่ริมฝีปากบางหรือเล็กลงเรื่อย ๆ เกิดริ้วรอยบนริมฝีปาก ริมฝีปากเหี่ยวบางฝ่อ ไม่มีขอบหรือสันปากที่ชัดเจน ขาดความชุ่มชื้น ปัญหาเหล่านี้ทำให้ใบหน้าส่วนล่างงุ้มเหมือนคนแก่
- ผู้ที่มีปัญหาการสบฟัน ฟันล่างครอบฟันบน ฟันบนครอบฟันล่าง ส่งผลให้ริมฝีปากด้านล่างยื่น หรือบางคนริมฝีปากบนยื่น ทำให้เสียความมั่นใจในการใช้ชีวิต
- ผู้ที่กลัวการศัลยกรรม การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยปรับให้สัดส่วนริมฝีปากเท่ากันมากขึ้น ซึ่งเป็นการปรับใบหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม



ผ่าตัดปากแล้วยังสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้หรือไม่?
คำถามนี้จะเกิดขึ้นบ่อย ๆ สำหรับผู้ที่เคยผ่าตัดปากมาแล้ว เพื่อทำทรงปากกระจับหรือทรงปากปีกนก แต่ว่าพออายุเพิ่มขึ้นริมฝีปากก็จะยิ่งบางลง ดังนั้นปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดย การฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มปาก เพื่อปรับทรงปากตามที่ต้องการ แต่มีข้อกำจัดในการเพิ่มวอลลุ่ม ด้วยการเติมปริมาณฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณปากอย่างเหมาะสม เพราะถ้าหากฉีดฟิลเลอร์จำนวนมากเข้าไปในทีเดียวจะส่งผลให้ เกิดเป็นก้อนใส ๆ ด้านในปากได้ค่ะ
ทำแบบไหนดีกว่ากัน ฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือ ผ่าตัดปาก?
การผ่าตัดปาก ส่วนใหญ่จะผ่าตัดเพื่อเน้นลดขนาดปากให้มีสัดส่วนที่เล็กลง แต่ถ้าหากอยากแก้ไขทรงปากในภายหลังก็จะทำได้ยากมาก เนื่องจากเป็นการผ่าตัดปากแบบถาวร ส่วนการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มวอลลุ่มและปรับทรงของปากได้ แถมยังปลอดภัยต่อร่างกาย เพราะฟิลเลอร์สามารถเสื่อมสลายได้เอง
การฉีดฟิลเลอร์นั้นก็สามารถทำให้ปากเล็กได้เหมือนกับการผ่าตัดปาก ด้วยการใช้เทคนิคฉีดให้หลอกตา โดยให้ความกว้างของปากดูเด่นแค่ส่วนตรงกลาง เปลี่ยนมุมมอง เพิ่มมิติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างของใบหน้าได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
อีกทั้งการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นสามารถอยู่ได้นานสูงถึง 18 เดือนขึ้นอยู่กับบุคคล ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล เห็นผลได้ทันทีหลังการทำ และจะชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์ ในขณะที่การผ่าตัดปากนั้นจะสามารถคงอยู่ได้ถาวร แต่ต้องรอให้แผลสมานตัวนาน 1-2 สัปดาห์ ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน อาจมีรอยแผลเป็นบริเวณที่ผ่าตัด โดยจะเห็นผลชัดเจนใน 3 เดือน และถ้าหากเกิดความไม่พอใจหลังจากการผ่าตัดก็จะแก้ไขได้ยากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ดีก่อนการตัดสินใจทำ

ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ข้อดี
- ช่วยเพิ่มวอลลุ่มและปรับทรงของปากได้
- ปลอดภัยต่อร่างกาย สามารถเสื่อมสลายได้เอง
- ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
- เห็นผลได้ทันทีหลังการทำหัตถการ
ข้อเสีย
- ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร อยู่ได้นานสูงสุด 18 เดือนขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ผ่าตัดปาก
ข้อดี
- อยู่ได้ถาวร
ข้อเสีย
- ต้องรับความเสี่ยงจากการผ่าตัด
- แก้ไขได้ยาก
- ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน
- อาจมีรอยแผลบริเวณที่ผ่าตัด
- ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนจึงเห็นผลชัดเจน
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
ไม่เจ็บค่ะ แม้ว่าบริเวณปากจะมีแต่เนื้อเยื่อที่มีความบอบบางมาก ๆ ก็ตาม เนื่องจากที่ Michiko Clinic หมอจะมีเทคนิคการฉีดยาชาเพื่อยับยั้งความรู้สึกที่เส้นประสาทบริเวณริมฝีปากก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์ ดังนั้นระหว่างทำหัตถการจะไม่ค่อยมีความรู้สึกเจ็บหรือแสบเลยค่ะ คนไข้จะรู้สึกสบายระหว่างทำ แต่ถ้าหากเข้ารับบริการกับคลินิกอื่นที่ไม่ได้มีการฉีดยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ ก็อาจทำให้มีความรู้สึกเจ็บอยู่บ้างในขณะทำหัตถการค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ปากอันตรายหรือไม่?
อันตรายค่ะ !!
เนื่องจากริมฝีปากของคนเรานั้นประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึก จึงจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีดอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด หรือโดนเส้นเลือดหลัก

แต่ถ้าหากมีการผ่าตัดปากมาก่อน จะต้องแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำหัตถการ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้มากกว่าปกติ เพราะปากที่ผ่านการผ่าตัดแล้วจะมีผังผืดใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งภายในผังผืดจะมีเส้นเลือดใหม่งอกออกมา ทำให้มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม หากการฉีดฟิลเลอร์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หรือเกิดการอุดตันของเส้นเลือด สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์และทำการแก้ไขได้ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังการฉีด โดยสารที่ใช้ในการสลายฟิลเลอร์นั้นมีชื่อเรียกว่า Hyaluronidase แต่ในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ปลอมนั้น จะต้องทำการผ่าตัดแก้ไขเท่านั้นค่ะ
จะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะเป็นบริเวณท่ีอันตรายที่สุดบนใบหน้า ดังนั้นต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ และเลือกฉีดกับฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น ที่สามารถเสื่อมสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งมั่นใจได้ว่า Michiko Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณหมอกิ๊ฟ ที่ทราบเทคนิคและจุดการฉีดอย่างถูกต้อง เพื่อให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร?
การเป็นก้อนหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ปากที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง มีการอักเสบ และทำให้เจ็บนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่มี อย. โดยฟิลเลอร์ปลอมนั้นจะราคาถูก แต่ไม่มีประสิทธิภาพ หากเกิดการผิดพลาดจะต้องทำการผ่าตัดแก้ไขเท่านั้น แต่ในกรณีที่ฟิลเลอร์เป็นก้อนในช่วงแรกและค่อย ๆ ดีขึ้น อาจเป็นเพียงอาการบวมช้ำหลังการฉีดค่ะ
โดยอีกสาเหตุเกิดจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ดูแลยังมีไม่มากพอ อย่างการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมหรือใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากเกินไป รวมถึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับสรีรวิทยา ส่งผลให้ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง สาเหตุเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดการเป็นก้อนของฟิลเลอร์ได้ค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน?
Michiko Clinic เลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane และ Belotero สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก ทั้งนี้ระยะเวลาของฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล วิธีการดูแลตัวเอง และยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นหลักด้วย
โดยคุณควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวกับริมฝีปากหลังฉีด เช่น การพูดเยอะ ๆ การแสดงสีหน้า การเม้มปาก การดื่มแอลกอฮอล์ การทานของร้อน เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้ฟิลเลอร์ออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่และเสื่อมสลายได้เร็วขึ้น ดังนั้นต้องดูแลตัวเองหลังการฉีดให้เหมาะสม เพื่อสามารถช่วยรักษาอายุของฟิลเลอร์ได้นานยิ่งขึ้นค่ะ


ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ MICHIKO Clinic เลือกใช้ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก
Restylane
ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ที่ใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ในการฉีดเข้าสู่ร่างกาย เสื่อมสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยใช้เทคโนโลยีหลักอย่าง NASHA และ OBT ที่ช่วยดีไซน์ฟิลเลอร์ให้เข้ากับใบหน้าได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นแบรนด์แรกที่ได้รับ US-FDA Approve และที่สำคัญหลังฉีดอยู่ได้นานถึง 24 เดือน โดยรุ่นฟิลเลอร์ที่เราเลือกใช้ มีดังนี้
Restylane Defyne
มีลักษณะเป็นเนื้อเจลที่มีความนิ่มปานกลางและมรความยืดหยุ่นสูง มีส่วนผสมของยาชา สามารถอยู่ได้นานถึง 18 เดือน เหมาะสำหรับการใช้ฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ได้ทรงปากแบบเกาหลี (Cherry Lip) ทรงสายฝอ (Sexy Lip) และทรงปากกระจับ (Classic+Cherry Lip)
Restylane Kysse
เป็นฟิลเลอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อฉีดและแก้ไขปัญหาริมฝีปากโดยเฉพาะ มีลักษณะเป็นเนื้อละเอียด แต่มีความคงตัวสูง ช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากไม่ชัด โดยทำให้ริมฝีปากมีขอบชัด เติมเต็มความอวบอิ่มและเพิ่มความชุ่มชื่น ไม่บวมหลังฉีด เหมาะสำหรับทรงปากแบบเกาหลี (Cherry Lip) และทรงปากกระจับ (Classic+Cherry Lip)

Restylane Vital light
มีลักษณะเป็นเจลอนุภาคขนาดเล็กมาก มีความนิ่มที่สุด ฟิลเลอร์มีส่วนผสมของยาชา ช่วยแก้ปัญหาบริเวณใบหน้าได้อย่างธรรมชาติ แต่จะอยู่ได้เพียง 6-12 เดือน เหมาะสำหรับทรงปากธรรมชาติ (Classic)




Belotero
ฟิลเลอร์จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่มีสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid มากที่สุดในท้องตลาด โดยมี Cohesivity สูง สามารถกลืนเข้ากับผิวได้ดี ไม่ทำให้เป็นก้อน โดยรุ่นฟิลเลอร์ที่เราเลือกใช้ มีดังนี้
Belotero Filler Intense
ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่ก็มีความคงตัวสูงเช่นกัน สามารถช่วยยกกระชับริมฝีปากได้ดี อยู่ได้นานถึง 18 เดือน เหมาะสำหรับทรงปากแบบเกาหลี (Cherry Lip)

หากใช้ฟิลเลอร์ปลอม จะมีอาการอย่างไร?
ในปัจจุบันการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้ว หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน จากคลินิกเถื่อน หมอกระเป๋า หรือเว็บไซต์ออนไลน์ที่ขายของผิดกฎหมายนั้นแพร่หลายอย่างมาก ทำให้เกิดปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาการเน่า, อักเสบติดเชื้อ, เนื้อตาย, พังผืด, การไหลย้อย, ไม่สลายตามธรรมชาติ, หรือรุนแรงถึงขั้นว่าเส้นประสาทถูกทำลาย
ดังนั้นก่อนการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง ควรตรวจสอบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง รวมไปถึงสถานที่ในการฉีดที่ได้มาตรฐาน และฟิลเลอร์ที่ใช้จะต้องมีเลขทะเบียนอย. เอกสารกำกับภาษาไทย เลข lot. ที่กล่อง หลอด สติกเกอร์ และซอง
เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากต้องทำอย่างไร?
อย่างที่ทราบกันดีว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นไม่ได้น่ากลัว และไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวมากเป็นพิเศษ เพียงแต่ก่อนการฉีดทุกครั้ง คุณจำเป็นต้องรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยและได้รูปทรงริมฝีปากที่เหมาะสมกับใบหน้าของคุณ
โดยสิ่งที่คุณควรทำก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากมีดังนี้
-
- ศึกษาข้อมูลเรื่องการฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด
- ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือหากมีโรคประจำตัวจะต้องแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
- ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรอยู่
- หยุดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน และยาต้านการอักเสบ เช่น Ibruprofen และ Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์เพื่อป้องการอาการฟกช้ำที่อาจเกิดขึ้น
- หยุดการใช้วิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยากเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม และใบแปะก๊วย
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 วันก่อนการฉีด
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
- ทำความสะอาดใบหน้า ล้างเครื่องสำอาง ในวันที่ทำการฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น อาจมีอาการบวมแดง หรือรู้สึกเจ็บจากการฉีด ภายใน 3 วันแรก โดยอาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยสิ่งที่ควรปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ปากมีดังนี้
-
- ริมฝีปากของคุณอาจจะบวมหลังจากได้รับผลิตภัณฑ์ ซึ่งเกิดขึ้นได้เป็นปกติ อาการบวมจะค่อย ๆ ทุเลาขึ้น ภายใน 2-3 วัน
- หากคุณมีประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง
- ให้ประคบน้ำแข็ง โดยใช้ถุงน้ำแข็งหรือก้อนน้ำแข็งที่คลุมด้วยผ้า 15 นาทีหลังจากได้รับผลิตภัณฑ์ จะช่วยบรรเทาอาการบวม อาการคัน รอยฟกช้ำ และความเจ็บปวดอื่น ๆ
- หลีกเลี่ยงการนวด หรือการกดบริเวณริมฝีปาก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องใช้กำลังมากเป็นเวลา 24 ถึง 48 ชั่วโมงหลังได้รับผลิตภัณฑ์
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารที่มีความร้อนสูง 48 ชั่วโมงหลังได้รับผลิตภัณฑ์
- หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง เช่น ห้องอบไอน้ำ ซาวน่า เป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังได้รับผลิตภัณฑ์ ความร้อนสูงอาจทำให้อาการบวมเด่นชัดขึ้น
- หากมีอาการปวด สามารถทานยาแก้ปวดได้ เช่น พาราเซตามอล
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าบนริมฝีปาก ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับผลิตภัณฑ์
โดยหลักการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น ควรปฏิบัติตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญผู้ทำการฉีดฟิลเลอร์แนะนำ เพื่อรักษาให้ผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี?
เนื่องจากริมฝีปากเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึกและมีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีความระมัดระวังในการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องการความเสี่ยงของการอุดตันเส้นเลือด
สิ่งที่สำคัญที่สุด ควรเลือกคลินิกหรือสถานประกอบการพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐานปลอดภัย ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีแพทย์ที่มีประสบการณ์มีความชำนาญ และใช้ฟิลเลอร์แท้ผ่านอย.ที่สามารถตรวจสอบได้
Michiko Clinic นำโดยคุณหมอกิ๊ฟ แพทย์หญิงวิสุทธิยา บุญสม แพทย์เฉพาะทางผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าเทคนิคเฉพาะ “Oriental Lifting Technique” หรือฟิลเลอร์ล็อคหน้าตึง ในทุกเคสคุณหมอกิ๊ฟจะสอบถามความกังวล และวิเคราะห์ปัญหาของรูปหน้า มองภาพรวมของใบหน้า ดีไซน์แก้ไขโดยเน้นการปรับรูปหน้าที่ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ และแก้ไขปัญหาในระดับโครงสร้างของใบหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุดค่ะ

คุณหมอกิ๊ฟ จบการศึกษาเฉพาะทางจาก American Board of Aesthetic Medicine จากประเทศสหรัฐอเมริกา และหลักสูตรผิวหนังและเลเซอร์ผิวหนัง (Diploma Course in Dermatology and Dermatosurgery) จากสถาบันโรคผิวหนังประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยจุนเทนโด ประเทศญี่ปุ่น
คุณหมอกิ๊ฟมีประสบการณ์ด้านความงาม เคยประจำอยู่ที่โรงพยาบาล และคลินิกชั้นนำมามากกว่า 11 ปี ดูแลคนไข้มามากกว่า 10,000 เคส คุณหมอมีความใส่ใจและดูแลคนไข้ทุกคนเป็นอย่างดี คุณหมอตั้งใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ดีที่สุด เพื่อนำเข้ามาใช้ในคลินิกเป็นอย่างมาก ทุกๆผลิตภัณฑ์ จะต้องได้มาตรฐาน เห็นผลลัพธ์ที่ดี และที่สำคัญคือมีความปลอดภัย
หลักการดูแลคนไข้ที่คุณหมอกิ๊ฟมักจะพูดอยู่เสมอ คือ “หมอตั้งใจดูแลคนไข้ทุกคนให้เหมือนกับที่หมอดูแลตัวเองและคนในครอบครัวที่หมอรัก สิ่งใดที่หมอคิดว่าดีกับตัวเอง คนไข้ของหมอก็จะต้องได้รับสิ่งนั้นเช่นเดียวกันค่ะ”
รีวิวการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ MICHIKO Clinic



















Previous image
Next image