Q1 : การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าสู่ผิวหนัง โดยสารที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบันทำมาจากกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งสามารถสลายตัวไปได้เองตามธรรมชาติ กรดไฮยาลูโรนิกที่ใช้ทำฟิลเลอร์มีคุณสมบัติใกล้เคียงและพบได้ตามธรรมชาติในผิวหนังของมนุษย์
กรดไฮยาลูโรนิกมีความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นจึงทำให้ผิวดูอวบอิ่ม ลดริ้วรอย เติมเต็มจุดบกพร่องบนใบหน้าและอวัยวะอื่นๆ และด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ล๊อคหน้าตึงที่ Michiko Clinic ยังสามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อการยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย
กรดไฮยาลูโรนิกมีความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นจึงทำให้ผิวดูอวบอิ่ม ลดริ้วรอย เติมเต็มจุดบกพร่องบนใบหน้าและอวัยวะอื่นๆ และด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ล๊อคหน้าตึงที่ Michiko Clinic ยังสามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อการยกกระชับใบหน้าได้อีกด้วย
ฟิลเลอร์ที่เป็นกรดไฮยาลูโรนิกจะมีลักษณะคล้ายเจลที่ใช้ฉีดได้ทั้งที่ชั้นผิวหนัง ชั้นไขมันชั้นตื้น ชั้นไขมันชั้นลึก และโครงสร้างกระดูก เมื่อฉีดเข้าไปจะสามารถแก้ไขโครงสร้างของใบหน้าที่มีปัญหาได้
หากเลือกฟิลเลอร์รุ่นที่ถูกต้องและฉีดถูกเทคนิค ฟิลเลอร์จะสามารถเซ็ตตัวเป็นโครงสร้างกระดูก ไขมันชั้นลึก ไขมันชั้นตื้น รวมทั้งกลืนเข้ากับเนื้อเยื่อของผิวหนังได้ดี
นอกจากนั้นกรดไฮยาลูโรนิกในฟิลเลอร์สามารถดึงดูดโมเลกุลของน้ำจนพองขึ้นเป็นเจล ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างชุ่มชื้นขึ้นได้
หากเคยได้ยินมา เมื่อสมัยก่อนฟิลเลอร์มีการทำมาจากสารมากมายหลายประเภท เช่น ซิลิโคนเหลว คอลลาเจนเหลว ไขมันปลาวาฬ ที่มีความสามารถในการเติมเต็มแบบเดียวกัน
แต่ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมและไม่ผ่านอย. เนื่องจากสารเหล่านั้นไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขได้เมื่อฉีดเข้าไป จึงส่งผลเสียในระยะยาว ทำให้เกิดใบหน้าห้อยใบหน้าคล้อยตกตามแรงโน้มถ่วง จากการที่มีก้อนหรือสิ่งแปลกปลอมในใบหน้า
Q2 : ฟิลเลอร์ใช้ทำอะไร?
ฟิลเลอร์ถูกใช้ครั้งแรกในการเติมเต็มทำให้ใบหน้าดูเด็กลง โดยใช้เพื่อเสริมและปรับโครงสร้างของใบหน้า เช่น การเติมคางให้ดูเป็นทรงมนหรือพุ่งรับกับใบหน้า การเติมใต้ตาให้ดูไม่หมองคล้ำ การเติมแก้มให้ดูพุ่งมีมิติ การเติมร่องแก้มให้ดูตื้นขึ้น การเติมและปรับรูปทรงริมฝีปาก การเติมขมับและแก้มตอบที่ยุบเว้าให้เติมสวย
นอกจากนี้ด้วยเทคนิคเฉพาะที่ Michiko Clinic ยังสามารถใช้ฟิลเลอร์เทคนิคล๊อกหน้าตึงในการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวสวยพุ่งดังใจนึก เปรียบเสมือนการผ่าตัดดึงหน้าได้เลยค่ะ
ข้อมูลที่ควรรู้สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ :
ฟิลเลอร์ที่คุณหมอเลือกใช้
พญ.วิสุทธิยา บุญสม (หมอกิ๊ฟ)
ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
ทางคลินิกของเรา คุณหมอกิ๊ฟเลือกใช้
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane จากประเทศสวีเดน และ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ข้อดี Restylane
- เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์แบรนด์แรกในโลก
- เป็นฟิลเลอร์ที่มีเทคโนโลยีที่มีโครงสร้างโมเลกุล 2 แบบ จึงมีผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่น ทำให้คุณหมอสามารถเลือกและดีไซน์ฟิลเลอร์ได้เหมาะกับบริเวณต่างๆบนใบหน้าได้มากที่สุด
- หลังฉีดใบหน้าบวมช้ำน้อย ฉีดแล้วหน้าไม่บวมฟิลเลอร์
- เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถใช้แก้ไขความดำใต้ตาได้ดี และอยู่ได้นานเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น
- ใช้ยาปริมาณน้อย แต่ได้ผลลัพธ์มาก เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น
ข้อดี Belotero
- เป็น Filler ที่มี Cohesevity ดีที่สุด กลืนเข้าเนื้อเยื่อได้ดีมาก ทำให้ไม่เกิดภาวะเป็นก้อนหรือเป็นลำ
- สามารถใช้แก้ไขในเคสที่มีปัญหาลำใต้ตาจากโครงสร้างกายวิภาคเดิมที่ ลำกล้ามเนื้อใต้ตาทำงานมากเกินไปได้ดีมาก
- มีปริมาณสาร Hyarulonic acid มากที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ในท้องตลาด ทำให้หลังจากฉีดไป ฟิลเลอร์คงทนและอยู่ได้นาน
ความแตกต่างที่สำคัญของทั้ง 2 ยี่ห้อ
- สำหรับยี่ห้อ Botero เนื่องจาก ตัวฟิลเลอร์กลืนเข้าเนื้อเยื่อได้ดีมาก หากเทียบกับยี่ห้อ Restylane จะพบว่าอาจจะจำเป็นต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่าในการแก้ไขปัญหาเดียวกัน
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero หลังฉีดมีโอกาสบวมและเมื่อฟิลเลอร์เซ็ตตัว อาจจะยุบตัวสลายได้เร็วกว่า ยี่ห้อ Restylane
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่สำคัญของหมอกิ๊ฟ
สิ่งสำคัญ หลักๆ คือ
1.การประเมินรูปหน้าให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพและเหมาะสมกับสัดส่วนของอวัยวะต่างๆ บนใบหน้า (ฉีดแล้วหน้าละมุน สัดส่วนรับและเข้ากันเป็นอย่างดี) จากรูปตัวอย่างเช่น สัดส่วนของ จมูก ปาก คาง ในมุมมองด้านข้าง ต้องตั้งอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน
ตามเส้น E-line รวมถึงมิติความพุ่งของโหนกแก้มจะต้องพุ่งและไม่กว้างจนเกินไป (Oreintal Lifting Technique)
2. มีการจัดลำดับความสำคัญของความสวยบนใบหน้า โดยคุณหมอจะช่วยประเมินให้เบื้องต้นก่อนว่าจุดไหนมีความสำคัญ ควรได้รับการปรับแก้ไขก่อน (เทคนิคฉีดน้อยให้ได้ผลลัพธ์มาก)
3. มีการฉีดเพื่อแก้ไขตามโครงสร้างที่เป็นปัญหา ที่ทำให้เกิดภาวะ Aging ของคนๆนั้น
โดยการแก้ไขเรียงตามลำดับชั้นในส่วนของกระดูก ไขมันชั้นลึก และไขมันชั้นตื้น
ทำให้ได้ให้ความสวยกลับคืนมาแบบเป็นธรรมชาติมากที่สุด ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ไม่เป็นลำ คลำไม่ได้ฟิลเลอร์
(เทคนิค Michiko’s Natural look)
Q3 : ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคล๊อกหน้าตึงที่ Michiko Clinic
ฟิลเลอร์เทคนิคล๊อกหน้าตึงสามารถแก้ไขโครงสร้างที่เป็นปัญหาได้อย่างตรงจุด ทำให้ใบหน้าดูยกกระชับได้ทันทีหลังฉีดโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่เสียเวลาพักฟื้น
ฟิลเลอร์เทคนิคล๊อกหน้าตึงที่ Michiko Clinic ถูกคิดค้นโดยคุณหมอกิ๊ฟ พญ.วิสุทธิยา บุญสม ที่ใช้เทคนิคเฉพาะในการดีไซน์ปรับรูปหน้าคนให้สวยรับกันกับทุกๆอวัยวะบนใบหน้า ทำให้หลังฉีดฟิลเลอร์ไปดูสวยงามเป็นธรรมชาติ จับไม่ได้ก้อน ไม่เป็นลำ รวมถึงยังสามารถฉีดปรับใบหน้าเพื่อเสริมโหงวเฮ้งได้อีกด้วย
Q4 : ข้อแตกต่างระหว่างโบท็อกซ์ (Botox) และฟิลเลอร์ (Filler)
ทั้งสองอย่างสามารถใช้เพื่อแก้ไขหรือป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราดูมีริ้วรอยและดูอายุมากขึ้น แต่ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์นั้นทำงานต่างกัน โดยข้อแตกต่างของโบท็อกและฟิลเลอร์มีดังนี้
ฟิลเลอร์ จะถูกนำมาใช้เพื่อเติมเต็มร่องลึก เพิ่มความเต่งตึงของผิวหนัง
โบท็อกซ์ (ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของ Botulinum Toxin) จะทำหน้าที่ตรงกันข้ามในการช่วยคลายกล้ามเนื้อ ปิดกั้นสัญญาณประสาทในกล้ามเนื้อเป็นการชั่วคราว เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวและรักษาริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ต่างๆบริเวณ หน้าผาก รอยตีนกา รอบดวงตา ปาก และอื่นๆ
Q5 : ฟิลเลอร์ใช้ที่ไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์เป็นสารคล้ายเจลที่ฉีดเข้าไปในส่วนต่างๆ ของผิวหนัง โดยความลึกของการฉีดและความสม่ำเสมอของการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ที่จะได้รับ
สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งในร่างกาย เช่น ใบหน้า ฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา ฉีดฟิลเลอร์คาง ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเติมแก้ม ฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดฟิลเลอร์ที่ขมับ หน้าผาก และจมูก
โดยการฉีดฟิลเลอร์ระดับลึกจะช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้า การฉีดด้วยความลึกระดับกลางจะลดรอยย่นบนใบหน้า และการฉีดผิวเผินเข้าไปในผิวหนังชั้นหนังแท้ด้วยฟิลเลอร์ที่อ่อนนุ่มนั้นจะช่วยให้ริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น
เต่งตึง และให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหนัง โดยนิยมใช้เข็มปลายทู่ หรือ Blunt Cannula มีขนาดเล็กกว่าไส้ปากกา ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ไม่คมบาดเนื้อและไม่แทงทะลุเส้นเลือด ซึ่งเหมาะกับการเดินยาบริเวณที่มีเส้นเลือดเยอะ เช่น ใบหน้า ใต้ตา แก้ม รอยกราม ริมฝีปาก และอื่นๆ
Q6 : ผลลัพธ์หลังจากการฉีดฟิลเลอร์
ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและตำแหน่งที่ทำการรักษา เป็นเรื่องปกติที่จะมีอาการบวมและอาจถึงขั้นมีรอยฟกช้ำได้ประมาณ 2-3 วัน หลังจากมีการเติมฟิลเลอร์บนใบหน้า
แต่โดยทั่วไปเราจะสามารถเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนของบริเวณที่ทำการรักษาได้ในทันที และฟิลเลอร์ที่ฉีดไปจะเซ็ตตัวสวยเต็มโดยอาจใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องใช้เวลาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอที่มีประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณหมอสามารถเข้าใจความต้องการและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและไม่เสียเงินซ้ำซ้อนสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์
Q7 : ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน
เนื่องจากใบหน้าและชั้นผิวหนังของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนก็อาจมีการสลายของฟิลเลอร์ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การออกกำลังกายหนักหักโหมจนเกินไป การทำงานอยู่ในที่ที่ร้อนระอุมากเกินไป ก็ส่งผลทำให้ฟิลเลอร์สลายได้เร็ว
ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงตำแหน่งและระดับความลึกที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 6 ถึง 24 เดือน
Q8 : ฟิลเลอร์ประเภทไหนดีที่สุด
อย่างที่ทราบกันว่าฟิลเลอร์นั้นมีหลากหลายประเภทขึ้นอยู่กับบริเวณที่จะทำการรักษา โดยมีฟิลเลอร์ที่ใช้กันทั่วไป และเป็นที่รู้จัก เช่น ยี่ห้อ Juvederm, Belotero และ Restylane
ข้อแตกต่างของแต่ละประเภท
ผู้ฉีดสามารถสอบถามคุณหมอผู้ทำการรักษาเกี่ยวกับประเภทรุ่นของฟิลเลอร์เพื่อการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยคุณหมอจะทำการให้ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจคุณสมบัติทางกายภาพของแต่ละรุ่นฟิลเลอร์ รวมถึงความเหมาะสมของชนิดและรุ่นของฟิลเลอร์กับบริเวณที่ทำการรักษา
ตัวอย่างเช่น หากต้องการเสริมคางแบบไม่ศัลยกรรม คุณหมอจะแนะนำและเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลหนักสามารถจัดโครงสร้างและปั้นขึ้นทรงได้ ในขณะที่การใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มริมฝีปาก คุณหมอก็อาจเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่โมเลกุลเบาลงและมีความกลืนเป็นธรรมชาติ เพื่อให้รู้สึกนิ่มนวลมากขึ้น
Q9 : ฟิลเลอร์มีความเสี่ยงหรือไม่
เนื่องจากกรดไฮยาลูโรนิกเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในผิวหนังของมนุษย์ ร่างกายของเราจึงยอมรับว่า เป็นสารธรรมชาติ จึงจัดว่าค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า การใช้ในระยะยาวนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายได้
แต่อาจมีผลข้างเคียงกับผู้ใช้บางรายที่อาจมีอาการแพ้จากการที่โมเลกุลของฟิลเลอร์บางชนิดไปทำปฏิกิริยากับยาหรืออาหารบางประเภท ซึ่งโอกาสที่พบได้น้อยมาก
Q10: เอาฟิลเลอร์มาแก้อะไรได้บ้างบนใบหน้า
เราสามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อ แก้หน้าผาก ขมับ ใต้ตา ตาลึก ตาโบ๋ ตาคล้ำ ยิ้มเห็นลำกล้ามเนื้อตา ฉีดแก้หน้าแก้มหัก แก้แก้มตอบ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก คาง และริมฝีปาก ได้เป็นต้น
Q11 : ในการปรับรูปหน้าสามารถใช้อะไรฉีดเพื่อแก้ไขได้บ้าง
ฟิลเลอร์ โบท๊อก ร้อยไหม สลายไขมัน ตัวอย่างเช่น รู้สึกหน้ากลม คางสั้น ก็สามารถปรับรูปหน้าได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์คาง ก็จะทำให้หน้าเรียวและหน้าวีขึ้น
บางคนรู้สึกหน้าบานกรามโต ก็สามารถฉีดโบท๊อกกรามเพื่อลดเหลี่ยม ลดมุม ลดความบานของหน้าได้ บางคนแก้มเยอะมีแก้มยุ้ยๆ อันนี้ก็ใช้ยาฉีดสลายไขมัน ทำให้ไขมันแก้มหายไปได้
Q12: ใครบ้างที่เหมาะกับการใช้ฟิลเลอร์ในการปรับรูปหน้า
ถ้าคนๆนั้น มีปัญหาของใบหน้าที่เกิดจากโครงกระดูกทรุดตัว ประกอบกับไขมันชั้นลึกและชั้นตื้นมีการยุบหายไป คนนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ฟิลเลอร์แก้ไข การร้อยไหม โบท๊อก หรือสลายไขมัน หรือแม้กระทั่งเครื่องยกกระชับ จำพวกไฮฟู เทอมาจ หรืออัลเทอร่า ก็จะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด
ตัวอย่างรีวิวการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าค่ะ >>
Q13 : ฟิลเลอร์อันตรายมั้ย
การฉีดฟิลเลอร์ปลอดภัย หากเป็นการฉีดโดยหมอที่มีประสบการณ์มากเพียงพอ เนื่องจากในการฉีดจะต้องอาศัยความรู้ในเรื่องโครงสร้างกายวิภาค (Anatomy)ของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดและเส้นประสาทต่างๆ โครงสร้างชั้นกระดูก กล้ามเนื้อ ไขมันชั้นลึกและชั้นตื้น
ดังนั้นหากฉีดไม่ถูกชั้น หรือแพทย์ผู้ฉีดไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ที่ฉีดอย่างดีพอ จะทำให้เกิดอันตรายเกิดเส้นเลือดอุดตัน เนื้อเน่า เนื้อตาย หรือเกิดปัญหาฉีดแล้วเป็นก้อนเป็นลำได้
Q14 : ฟิลเลอร์ทำไมถึงแพง
- เนื่องจากฟิลเลอร์ เป็นสารที่มีโครงสร้างโมเลกุลใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด และฟิลเลอร์จะต้องผ่านกระบวนการคิดค้น วิจัย พัฒนาและผลิตมาเป็นระยะเวลายาวนาน กว่าจะได้โครงสร้างของโมเลกุลในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สามารถนำมาฉีดในจุดต่างๆบนใบหน้าได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมชาติ
- การฉีดฟิลเลอร์เป็นงานศิลปะของการปรับรูปหน้าขั้นสูง ที่แพทย์ผู้ฉีดจะต้องอาศัยประสบการณ์และการเรียนรู้โครงสร้างทางกายวิภาคของใบหน้าเพื่อมาแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แม้ผลิตภัณฑ์จะเป็นชนิดเดียวกันแต่เมื่อผู้ฉีดเป็นคนละคน การออกแบบรูปทรงใบหน้าก็ย่อมแตกต่างกัน เปรียบเหมือนศิลปินที่วาดรูปออกมาในสไตล์ที่แตกต่างกัน
Q15 : เคยได้ยินว่ามีการฉีดแก้ใต้ตาคล้ำได้โดยไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์
อันที่จริงก็มีวิธีการแก้ใต้ตาคล้ำได้โดยไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์ คือ หลายๆคนรู้จักกัน ว่าเป็นการฉีด Filorga หรือ Cytocare พวกนี้คือตัวที่มีส่วนประกอบเหมือนกับฟิลเลอร์ คือมีสาร hyaluronic acid แต่เป็นชนิดที่ไม่มีการสานโมเลกุลให้เป็นร่างแห ดังนั้นหลังฉีดจะอยู่ได้สั้นๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ ดังนั้นจึงต้องมีการฉีดซ้ำหลายครั้ง ที่เราห็นทั่วๆไป คือเค้ามักจะขายเป็นคอร์ส 5 ครั้ง 10 ครั้ง แล้วทำไมไม่ฉีดฟิลเลอร์แก้ใต้ตาคล้ำด้วยฟิลเลอร์ไปเลย ฉีดครั้งเดียวอยู่ได้นานเป็นปี จบกว่านะ
ตัวอย่างรีวิวการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าค่ะ >>
Q16 : กลัวว่าฉีดฟิลเลอร์แล้วจะเป็นก้อน
หากหมอคนฉีดเลือกรุ่นของฟิลเลอร์ได้เหมาะสมกับปัญหาของใบหน้า ร่วมกับอาศัยประสบการณ์และความรู้ทางกายวิภาคของใบหน้าอย่างถูกต้องแล้ว ปัญหาเป็นก้อนเป็นลำ ฉีดแล้วไม่เนียนย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
Q17 : ฉีดฟิลเลอร์ยกหน้าราคาแพง ไปผ่าตัดดึงหน้าคุ้มกว่ามั้ย
การผ่าตัดดึงหน้า หน้าตึงขึ้นจริงเพราะมีการดึงหนังมาเย็บไว้ แต่เนื้อข้างในก็ยังกลวงอยู่ดี ซึ่งหน้าจะยกคนละแบบกับการฉีดฟิลเลอร์ คนที่ฉีดฟิลเลอร์เพื่อการยกกระชับนั้นจะได้หน้าที่เปล่งปลั่ง เต่งตึง มีน้ำมีนวลและเป็นธรรมชาติ เหมือนวัยเด็กอีกครั้ง
Q18 : ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วจะตกค้าง แก้มจะห้อยย้อย คางกลายเป็นแม่มดมั้ย
ปัจจุบันฟิลเลอร์เป็นสารที่สลายตัวได้ตามธรรมชาติ สามารถคงสภาพอยู่บนใบหน้าได้นาน 1-2 ปี โดยจะค่อยๆสลายตัวไป โดยอาศัยน้ำย่อยในร่างกายของเรา ดังนั้นฟิลเลอร์แท้ที่ฉีดโดยแพทย์ไม่ตกค้าง แต่ถ้าฉีดโดยหมอกระเป๋า หรือสมัยก่อนที่มีการเอาซิลิโคนเหลว หรือคอลลาเจนเหลวมาฉีด อันนี้ตกค้างแน่นอน
สรุป
โดยปกติฟิลเลอร์อาจจะต้องใช้เวลาถึงสองสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือนกว่าจะเซ็ตตัวเข้าที่ โดยทั่วไปคุณหมอจะมีการนัดติดตามผลหลังทำการรักษาไป
ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์นี้เราสามารถฉีดสลาย แก้ไขหรือปรับตกแต่งได้อยู่ตลอดเวลา และฟิลเลอร์ที่เป็นกรดไฮยาลูโรนิกจะถูกย่อยสลายได้โดยน้ำย่อยที่มีอยู่ในผิวหนังตามธรรมชาติ ซึ่งโดยเฉลี่ยกระบวนการการย่อยสลายนี้จะใช้เวลาตั้งแต่ 6 ถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้และบริเวณที่ทำการรักษา
โดยบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เช่น คาง ขมับมักจะอยู่ได้นานกว่า ในขณะที่บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ริมฝีปาก ร่องแก้ม ใต้ตา มักจะอยู่ได้ในระยะเวลาที่สั้นลง