ความงาม (Aesthetics)

ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า

การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าคืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้านั้น เป็นการนำฟิลเลอร์มาใช้แก้ไขปรับโครงสร้างของใบหน้าในบริเวณที่ไม่สมส่วนกัน โดยวิเคราะห์และประเมินจากองค์รวมหรือทุกอวัยวะบนใบหน้า

เนื่องจากใบหน้าของแต่ละคนนั้นมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางคนใบหน้ามีความหย่อนคล้อยเนื่องจากกระดูกเกิดการทรุดตัวตามอายุที่มากขึ้น บางคนใต้ตาลึกคล้ำเนื่องจากไขมันหายไปหรือน้ำหนักตัวลดลง ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าจึงต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ 3 ส่วนนี้

- ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของกายวิภาค เพื่อการฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัยและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
- ประสบการณ์ในการวิเคราะห์รูปหน้าของแพทย์ และแพลนการรักษาอย่างตรงจุด
- มุมมองความสวยของแพทย์ที่ตรงกับของคนไข้ เพราะ การฉีดฟิลเลอร์เป็นศิลปะเฉพาะตัวของแพทย์แต่ละท่าน ผลงานหรือผลลัพธ์จึงออกมาไม่เหมือนกัน

การปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์จะไม่ใช่การแก้ไขเพียงจุดใดจุดหนึ่งของใบหน้าเท่านั้น แต่จะเป็นการแก้ไขรูปหน้าแบบองค์รวม อย่างเช่น หากคนไข้ต้องการฉีดฟิลเลอร์ 3 cc แพทย์ของ MICHIKO Clinic จะประเมินและใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่จำกัดเพื่อแก้ไขรูปหน้าในภาพรวมให้คนไข้ดูดีขึ้นอย่างธรรมชาติที่สุด

โดยอาจจะมีการแก้ไขทั้งในส่วนของหน้าแก้ม ใต้ตา และคาง หากแพทย์ประเมินความว่าการแก้ไขในแต่ละจุดจะทำให้คนไข้ดูดีขึ้น มากกว่าการทุ่มฟิลเลอร์ทั้งหมดไปใส่ไว้ในจุดเดียวของใบหน้า การแก้ไขด้วยฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า จึงทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูสวยเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุดค่ะ

โดยการปรับรูปหน้า เป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ MICHIKO Clinic

การวิเคราะห์รูปหน้า สำคัญอย่างไร?

การวิเคราะห์รูปหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการฉีดฟิลเลอร์ในทุก ๆ เคส เนื่องจากการวิเคราะห์รูปหน้าจะทำให้คุณหมอเข้าใจปัญหาของคนไข้และแก้ไขได้อย่างตรงจุด

หากไม่มีการวิเคราะห์รูปหน้าก่อนการฉีดฟิลเลอร์ หรือทำการฉีดฟิลเลอร์เฉพาะจุดที่คนไข้ต้องการ อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง เพราะความสวยงามของมนุษย์เรานั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยรูปทรงของใบหน้านั้น จะต้องมีอัตราที่สมส่วนกัน ทั้งอัตราส่วนความกว้างและความยาวของใบหน้า

อัตราส่วนของ Upper-face, Mid-face, และ Lower-face เรียกง่าย ๆ ก็คือใบหน้าโดยรวมจะต้องสมส่วนกัน

ดังนั้นที่ Michiko Clinic คุณหมอกิ๊ฟจะทำการวิเคราะห์รูปหน้าในทุก ๆ เคส ว่าใบหน้าของคนไข้นั้น ขาดความสมดุลที่จุดใด ต้องแก้ไขอย่างไรบ้างถึงจะทำให้ใบหน้าคนไข้ดูสมส่วนและสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

โดยทางคุณหมอจะทำการวางแผนแก้ไขร่วมกับคนไข้ เริ่มจากการแจ้งปัญหาให้คนไข้ทราบ ว่าจุดใดควรแก้ไขเป็นจุดแรก เพื่อที่จะทำให้ใบหน้าดูสวยสมส่วนมากขึ้น ส่วนจุดใดที่มีความสำคัญรองลงมา คุณหมอจะทำการวางแผนแก้ไขไปตามลำดับค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าที่ MICHIKO Clinic

การฉีดฟิลเลอร์ ที่ MICHIKO Clinic นั้น เป็นการแก้ไขตามแรงโน้มถ่วงของโลก คือการแก้จากใบหน้าส่วนบนก่อนใบหน้าส่วนล่าง และจากด้านนอกเข้ามาด้านใน

เพราะหากทำการดึงใบหน้าส่วนบน หรือด้านนอกก่อน ก็จะส่งผลให้ใบหน้าส่วนล่างและใบหน้าด้านใน ยกกระชับขึ้นไปด้วย นอกจากจะทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติแล้ว ยังทำให้ใช้ปริมาณยาน้อยลงด้วยค่ะ

โดยเทคนิคที่คุณหมอกิ๊ฟเลือกใช้ในการฉีดฟิลเลอร์ คือ “Oriental Filler Lifting Technique” หรือ “ฟิลเลอร์ล็อคหน้า” ซึ่งเป็นเทคนิคที่เกิดจากการนำทุก ๆ เทคนิค ของอาจารย์แพทย์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ของทุกยี่ห้อจากต่างประเทศ ที่จะมีแนวเทคนิคการฉีดที่แตกต่างกันออกไป มาประยุกต์ใช้ด้วยกัน รวมกับประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อในตลาดมามากกว่า 11 ปีของคุณหมอกิ๊ฟ ทำให้กลายมาเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอกิ๊ฟ ที่ถือได้ว่าเป็นเทคนิคการปรับรูปหน้าที่เหมาะสมกับคนเอเชียมากที่สุด โดยมีการผสมผสานเทคนิคการ Lifting ของต่างประเทศ เข้ากับเทคนิคการฉีดตามโครงสร้างกายวิภาคของคนเอเชีย

การฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นการ Lifting หรือยกกระชับใบหน้านั้น คุณหมอจะต้องทราบกายวิภาคของใบหน้าอย่างแม่นยำว่าทำการฉีดที่จุดไหนบนใบหน้าถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และที่สำคัญปลอดภัยกับคนไข้มากที่สุดด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า เหมาะกับใคร?

การใช้ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนคล้อยซึ่งเกิดจากกระดูกทรุดตัวตามอายุที่มากขึ้น ไขมันหายไป หรือน้ำหนักตัวลดลง โดยมักจะเป็นการแก้ไขทั้งในส่วนของหน้าแก้ม ใต้ตา และคาง ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้แนะนำการแก้ไขให้อย่างตรงจุด ได้ผลลัพธ์ดูสวยเป็นธรรมชาติ และเหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุดค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถฉีดได้ในทุกเพศทุกวัย ยกเว้น

- ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร Hyaluronic Acid
- กำลังตั้งครรภ์
- เคยฉีดสารแปลกปลอม ที่ไม่สลายตัวมาก่อนหน้า เช่น ซิลิโคนเหลว คอลลาเจน เหลว หรือไขมันปลาวาฬ เป็นต้น

ฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ซีซี?

การใช้ฟิลเลอร์สำหรับปรับรูปหน้าที่ MICHIKO Clinic นั้น จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบหน้าที่ต้องปรับแก้ไขทั้งในส่วนของโครงสร้างกระดูกและชั้นไขมัน โดยจะเป็นการเน้นการปรับบริเวณ Mid-face และ Lower face ซึ่งต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ขั้นต่ำพาร์ทละ 3 ซีซี ขึ้นอยู่กับปัญหาใบหน้าของแต่ละคน โดยคุณหมอจะใช้เทคนิคล็อคหน้าตึงเพื่อทำให้ใบหน้าดูสวยเป็นธรรมชาติมากที่สุดค่ะ

ข้อดีของการแก้ไขปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์

นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ช่วยทำให้ใบหน้าดูเด็ก อ่อนเยาว์ ยกกระชับ และปรับรูปหน้าให้มีสัดส่วนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นแล้ว ฟิลเลอร์ยังมีข้อดีคือ

- สามารถเห็นผลหลังการฉีดทันที
- สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
- ไม่มีแผลหลังการฉีด
- ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
- สามารถปรับแก้เพิ่มและลดได้ เพื่อให้ได้ผลตามต้องการ
- ใช้ระยะเวลาไม่นานในการฉีด

เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าต้องทำอย่างไร?

อย่างที่ทราบกันดีว่า การฉีดฟิลเลอร์นั้นปลอดภัย และไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวมากเป็นพิเศษ เพียงแต่ก่อนการฉีดทุกครั้ง คุณจำเป็นต้องรับคำปรึกษา วิเคราะห์ใบหน้าจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ต้องตามต้องการของคุณที่สุดนะคะ

โดยสิ่งที่คุณควรทำก่อนฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้ามีดังนี้

- งดยาและวิตามินต่างๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนมาทำหัตถการเพื่อลดภาวะเลือดออกแล้วหยุดยาก รวมถึงลดอาการบวมช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ด้วยค่ะ
- ควรงดยาแก้ปวด ยาแอสไพริน หรือ NSIADs เช่น Ibruprofen, Diclofenac, Ponstan และควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยานั้นๆ
- ควรงดวิตามินจำพวกเพิ่มการไหลเวียนของเลือด วิตามินที่ละลายในไขมันต่างๆ รวมถึงวิตามินที่อยู่ในเม็ด Soft gel และกลุ่มสมุนไพรต่างๆ เช่น Grape seed, Gingko biloba, Evening primrose oil, Fish oil, Vitamin E, Collagen เป็นต้น
- ต้องไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือหากมีโรคประจำตัวจะต้องแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำหัตถการทุกครั้ง โดยผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ควรรับประทานยาก่อนมาทำหัตถการ เป็นต้น
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชั่วโมงก่อนการทำหัตถการ

หลังฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

สิ่งที่ควรปฏิบัติตัวหลังการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า มีดังนี้

- อาการบวม เขียว ช้ำ อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะค่อยๆดีขึ้น หลังจากการฉีดไป 3 วัน หากอาการดังกล่าวมีมากขึ้นให้ทำการติดต่อคลินิกโดยทันที
- ประคบเย็นเพื่อลดอาหารบวมช้ำใน 48 ชั่วโมงแรกหลังการทำหัตถการ
- ระมัดระวังการกระทบกระแทก การเคลื่อนไหว และการขยับใบหน้าแรง ๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
- งดนวดหน้า ขัดหน้า ทำทรีทเม้นท์ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น การทำเลเซอร์ใบหน้า การอบไอน้ำ อบซาวน่า แช่ออนเซ็น เป็นเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ ของดิบ ของหมักดอง ปลาร้า 2 สัปดาห์ (หากทำไม่ได้ ควรงดอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังการทำหัตถการ)

ฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าที่ไหนดี?

เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า เป็นการแก้ไขทั้งในส่วนของหน้าแก้ม ใต้ตา และคาง ซึ่งเป็นจุดที่มีเส้นประสาทและเส้นเลือดที่สำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ

สิ่งที่สำคัญที่สุด ควรเลือกคลินิกหรือสถานประกอบการพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐานปลอดภัย ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีแพทย์ที่มีประสบการณ์มีความชำนาญ และใช้ฟิลเลอร์แท้ผ่านอย.ที่สามารถตรวจสอบได้

Michiko Clinic นำโดยคุณหมอกิ๊ฟ แพทย์หญิงวิสุทธิยา บุญสม แพทย์เฉพาะทางผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าเทคนิคเฉพาะ “Oriental Lifting Technique” หรือฟิลเลอร์ล็อคหน้าตึง ในทุกเคสคุณหมอกิ๊ฟจะสอบถามความกังวล และวิเคราะห์ปัญหาของรูปหน้า มองภาพรวมของใบหน้า ดีไซน์แก้ไขโดยเน้นการปรับรูปหน้าที่ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ และแก้ไขปัญหาในระดับโครงสร้างของใบหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุดค่ะ

คุณหมอกิ๊ฟ จบการศึกษาเฉพาะทางจาก American Board of Aesthetic Medicine จากประเทศสหรัฐอเมริกา และหลักสูตรผิวหนังและเลเซอร์ผิวหนัง (Diploma Course in Dermatology and Dermatosurgery) จากสถาบันโรคผิวหนังประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยจุนเทนโด ประเทศญี่ปุ่น

คุณหมอกิ๊ฟมีประสบการณ์ด้านความงาม เคยประจำอยู่ที่โรงพยาบาล และคลินิกชั้นนำมามากกว่า 11 ปี ดูแลคนไข้มามากกว่า 10,000 เคส คุณหมอมีความใส่ใจและดูแลคนไข้ทุกคนเป็นอย่างดี คุณหมอตั้งใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ดีที่สุด เพื่อนำเข้ามาใช้ในคลินิกเป็นอย่างมาก ทุกๆผลิตภัณฑ์ จะต้องได้มาตรฐาน เห็นผลลัพธ์ที่ดี และที่สำคัญคือมีความปลอดภัย

หลักการดูแลคนไข้ที่คุณหมอกิ๊ฟมักจะพูดอยู่เสมอ คือ “หมอตั้งใจดูแลคนไข้ทุกคนให้เหมือนกับที่หมอดูแลตัวเองและคนในครอบครัวที่หมอรัก สิ่งใดที่หมอคิดว่าดีกับตัวเอง คนไข้ของหมอก็จะต้องได้รับสิ่งนั้นเช่นเดียวกันค่ะ”